ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว พอพูดถึง “ฝั่งธน” ทีมงานเองจะนึกถึงย่านที่มีตึกแถวเยอะๆ ตั้งอยู่สองฝั่งถนนครับ ไม่ว่าจะเป็นถนนเพชรเกษมหรือจรัญสนิทวงศ์ที่เป็นถนนเส้นหลักของย่านนี้ จะมีบ้างที่มีคอนโดสูงๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเกาะแนวฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือถ้าขยับออกไปอีกนิดเดียวก็จะเป็นสวนผักผลไม้ไปเลย
ทีมงาน Render Thailand เองก็เป็นคนนึงที่คุ้นเคยกับย่านนี้ เรียนแถวนี้มาตั้งแต่เด็กเช่นกันครับ เวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน ต้องบอกเลยว่าหลังจากมีรถไฟฟ้าเข้ามาย่านนี้ก็ได้เปลี่ยนไปมาก และเปลี่ยนเร็วเสียด้วย เริ่มจาก ■ สายสีเขียว หรือ BTS ที่วิ่งจากสาทร ข้ามสะพานตากสินมาฝั่งธนบุรี และวิ่งตรงมาตามถนนราชพฤกษ์ ซึ่งก็เป็นถนนที่ตัดขึ้นใหม่ในช่วง 10 ปีนี้เช่นกัน นอกจากนี้ปัจจุบันก็มีรถไฟฟ้าอีกสายที่กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน นั่นคือรถไฟฟ้า MRT ■ สายสีน้ำเงิน รวมไปถึง ■ สายสีม่วง และ ■ สายสีส้ม ที่มีแผนในการก่อสร้างในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
ซึ่งถ้าพูดกันถึงสถานีรถไฟฟ้าแบบเมโทร หรือแบบระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ในเมือง (ไม่นับสายสีแดงที่เป็นแบบชานเมือง) ทั้งสายสีเขียวและสายสีน้ำเงินในตอนนี้ ก็บอกได้เลยว่าในปัจจุบันอย่างน้อยๆ สถานีนึงต้องมีคอนโดขึ้นมาอย่างน้อย 1 โครงการแล้ว ซึ่งในส่วนของฝั่งธนเองก็มีรถไฟฟ้าเป็น 10 สถานี ซึ่งแต่ละจุดแต่ละบริเวณก็มีข้อดีลักษณะเด่นเฉพาะตัวที่ต่างกันไปครับ
วันนี้เราจึงขอยกเอา 2 ทำเลที่โดดเด่นของย่านฝั่งธนมาพูดถึงกันครับ
นั่นก็คือทำเลของ MRT สถานีท่าพระ กับ BTS สถานีตลาดพลู
ทำไมถึงเลือกเอา 2 สถานีนี้มาเทียบกัน??
สิ่งที่สถานี MRT ท่าพระกับสถานี BTS ตลาดพลูเหมือนกัน นั่นคือตั้งอยู่ในทำเลที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของฝั่งธนทั้งคู่ครับ ซึ่งเมื่อเป็นศูนย์กลางของย่านนี้แล้ว สิ่งที่เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือความเจริญและการเดินทางที่สะดวกที่ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าเท่านั้น แต่รวมไปรถสาธารณะอื่นๆ เช่น รถเมล์ และรถยนต์ส่วนตัวด้วย
และด้วยความที่ฝั่งธนนั้นก็อยู่ใกล้กับใจกลางเมือง ทำให้ทั้ง 2 สถานีนี้ก็สามารถเข้าสู่กลางเมืองได้โดยใช้เวลาบนรถไฟฟ้าเพียงแค่ไม่กี่สถานี จุดนี้ทีมงานจึงมองว่าทั้งสถานีท่าพระและสถานีตลาดพลูมีความน่าสนใจสำหรับใครสักคนที่กำลังมองหาคอนโดที่เข้าเมืองได้สะดวกในทำเลที่ดี มีความเจริญอยู่รอบข้าง และเดินทางในรูปแบบต่างๆ ที่นอกเหนือจากรถไฟฟ้าได้สะดวกครับ หรือใคร ที่ครอบครัวปัจจุบันอยู่ในย่านฝั่งธนอยู่แล้ว อยากมีคอนโดเพิ่มอีกซักที่ที่เดินทางสะดวกและไม่ไกลจากบ้านเดิม ทำเลนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ
แต่อย่างที่ทราบว่าสถานีของ MRT ท่าพระ และ BTS ตลาดพลู ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์/รัชดาภิเษกเหมือนกันทั้งคู่ ห่างกันเพียงแค่กิโลนิดๆ แต่ในความเหมือนกันของสองสถานีนี้ ก็มีความต่างกันอยู่เช่นกัน จะต่างกันในแง่ไหนบ้างเราลองมาดูกันครับ
สถานี MRT ท่าพระ
(คลิกชมภาพตัวอย่างสถานีที่จัดทำโดยทีมงาน)
สถานี MRT ท่าพระ เป็นสถานีที่อยู่บนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินครับ สายนี้เป็นสายที่เพิ่งเข้ามาฝั่งธนในภายหลัง ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน โดยในฝั่งธนจะวิ่งอยู่บนถนนหลักทั้ง 2 เส้นเลย คือถนนจรัญสนิทวงศ์และเพชรเกษม และเมื่อสร้างเสร็จแล้วสายนี้จะวิ่งเป็นรูปคล้ายๆ ตัว q ครับ
การเดินรถของสายนี้จะเป็นแบบไป-กลับ (ไม่ได้วิ่งแบบวงกลมสมบูรณ์) เริ่มจากสถานีท่าพระ วิ่งไปบนถนนจรัญสนิทวงศ์ไปทางบางขุนนนท์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณบางอ้อ (แถวโรงพยาบาลยันฮี) ไปยังย่านบางโพ ผ่านสถานีเตาปูน จากนั้นมุดลงใต้ดินผ่านสถานีกลางบางซื่อ บรรจบกับสายสีน้ำเงินเดิมที่วิ่งผ่านสวนจตุจักร ไปลาดพร้าวและเลี้ยวเข้าถนนรัชดาภิเษก ตัดแยกพระราม 9 เข้าถนนอโศกแล้วเลี้ยวเข้าถนนพระราม 4 ผ่านหัวลำโพง/เยาวราช ก่อนจะลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองตลาด แล้วยกระดับขึ้นมาตัดกับจุดเริ่มต้นที่สถานีท่าพระอีกครั้ง แต่ยังไม่สุดแค่นี้ครับ สายนี้ยังวิ่งต่อไปบนถนนเพชรเกษม ไปจนถึงสถานีหลักสองที่อยู่บริเวณเดอะมอลล์บางแค
จุดเด่นของสายสีน้ำเงินเลยคือเส้นนี้วิ่งเกือบจะเป็นวงกลม รอบๆ เมือง และมีบางส่วนที่ผ่านเข้าไปในกรุงเทพชั้นใน ทำให้รถไฟฟ้าสายนี้จะผ่านจุดสำคัญๆ หลายแห่ง เช่นสามย่าน, พระราม 4, อโศก, แยกพระราม 9, รัชดา, ลาดพร้าวช่วงต้น, สถานีกลางบางซื่อ, สวนจตุจักร
ตัวสถานีท่าพระเอง ในอนาคตจะเป็นจุดตัดหรืออินเตอร์เชนจ์ที่โดดเด่นที่นึงเลยครับ ซึ่งเว็บ Render Thailand ของเราก็เคยทำ 3D แนะนำสถานีนี้กันไปแล้ว จากที่สถานีท่าพระเป็นอินเตอร์เชนจ์ก็จะได้รับข้อดีเต็มๆ คือสามารถไปได้ทั้ง 3 ทิศทางโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนรถครับ คือจากท่าพระจะไปเข้าเมืองทางจรัญก็ได้ เหมาะกับใครที่จะเข้าเมืองไปย่านบางซื่อ/5 แยกลาดพร้าว และไปเข้าเมืองไปทางอิสรภาพก็ได้เช่นกัน ด้านนี้จะตรงมาทางเยาวราช สามย่าน พระราม 4 หรือจะออกไปทางบางแคเพื่อไปโซนด้านนอกเมืองก็ได้อีกเช่นกัน จุดเด่นของสถานีท่าพระหนีไม่พ้นการที่สามารถเลือกไปได้หลายเส้นทาง กับการเข้าเมืองโซนถนนพระราม 4 ที่ไม่ไกลมาก และในอนาคตถนนพระราม 4 จะมีโครงการ mixed-use ขนาดใหญ่หลายโครงการ
ส่วนด้านล่าง ใต้สถานีท่าพระก็เป็น “แยกท่าพระ” ซึ่งเป็นจุดสำคัญของฝั่งธนมาแต่เดิมอยู่แล้วด้วย โดยเป็นแยกที่ถนนจรัญสนิทวงค์ตัดกับถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นถนนสายหลักของฝั่งธนทั้งคู่ ตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างบนครับ
สถานี BTS ตลาดพลู
สถานี BTS ตลาดพลู จะเป็นสถานีที่อยู่ในรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสีลม) ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายแรกที่เข้ามาในฝั่งธนครับ โดยเริ่มจากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ (หน้าห้าง MBK) ผ่านสถานีสยามที่เป็น อินเตอร์เชนจ์กับ BTS สายสีลม วิ่งผ่านถนนราชดำริเข้ามายังถนนสีลมแล้วเลี้ยวเข้าถนนสาทรข้ามสะพานตากสิน แล้วตัดกับถนนรัชดาภิเษกที่สถานีตลาดพลู ปัจจุบันสิ้นสุดเส้นทางที่ถนนราชพฤกษ์ตัดกับถนนเพชรเกษม (สถานีบางหว้า) และในอนาคตจะมีโครงการที่จะสร้างต่อขยายไปสุดที่ตลิ่งชันด้วย
สำหรับ BTS สายสีลมจะมีจุดตัดกับ MRT สายสีน้ำเงิน อยู่ 2 จุดครับ ได้แก่ที่สถานีศาลาแดงบริเวณถนนสีลมกับสถานีบางหว้าบริเวณถนนเพชรเกษม
จุดเด่นของ BTS สายสีลมเลยก็คือ จะวิ่งตรงเข้าสู่ในเมืองที่เป็นจุดสำคัญหลายจุดครับ เช่น สยาม สีลม สาทร ซึ่งตัดแบบผ่ากลางทะลุเข้าไปเลย แบบไม่ต้องเปลี่ยนสาย ดังนั้นจะสะดวกมากสำหรับใครที่ทำงานในย่านนี้ครับ และจากฝั่งธนขึ้นรถไฟฟ้าเพียงไม่กี่สถานีก็ถึงแล้ว แต่ถ้าใครทำงานในย่านสุขุมวิท/พญาไท/พหลโยธิน ก็ยังสามารถเปลี่ยนรถไป BTS สายสุขุมวิทได้ โดยไม่ต้องออกจากสถานี ถือว่ายังไปได้สะดวกเช่นกัน
สำหรับใครที่ทำงานย่านสาทร นอกจากปัจจุบันที่มีสถานีช่องนนทรีที่ใช้กันเป็นหลักแล้ว ในตอนนี้สถานีศึกษาวิทยาที่อยู่ระหว่างสถานีสุรศักดิ์และช่องนนทรีก็กำลังก่อสร้างเช่นกัน เมื่อสร้างเสร็จเปิดใช้ในปีหน้าก็น่าจะเพิ่มความสะดวกสำหรับใครที่ทำงานในย่านสาทรได้
และนอกจากนี้ที่สถานีกรุงธนบุรีก็กำลังจะเป็น interchange กับรถไฟฟ้าสายสีทองที่จะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมปีนี้ สามารถเชื่อมต่อไปทางถนนเจริญนครกับห้าง ICONSIAM ได้
อีกจุดที่น่าสนใจของสถานีตลาดพลู คือต่อให้ไม่ได้มีรถไฟฟ้ามาตัดผ่านที่สถานีนี้ แต่จุดนี้ก็นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางของย่านอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นการที่มีศูนย์การค้าเดอะมอลล์ท่าพระตั้งอยู่ใกล้เคียง รวมไปถึงฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ก็ยังมีศูนย์รวมร้านค้าต่างๆ และเป็นจุดต่อรถเมล์ที่สำคัญของคนในย่านนี้ หรือจะด้านตลาดพลูที่มีสถานีรถไฟดั้งเดิมอยู่ บริเวณนี้ก็จะมีร้านแนว Streetfood อยู่เยอะพอสมควรถือว่าเป็นย่านที่คึกคักมากทีเดียวครับ
ที่ไหนดีกว่ากันล่ะ??
ในความคิดของทีมงาน เราไม่อยากให้มองว่าที่ไหนดีกว่าที่ไหนครับ แต่เรามองว่ามันขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละคนมากกว่า ว่าในแต่ละวันเราใช้ชีวิตแบบไหน ไปทำงานยังไง ไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนบ้าง ซึ่งทั้งสองทำเลนี้ก็มีความแตกต่างกันอยู่
ทีมงานมองว่าสถานี MRT ท่าพระ ได้ข้อดีของสายสีน้ำเงินที่ตัดผ่านเส้นหลักๆ ในฝั่งธน แถมเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ไปไหนในฝั่งธนก็แทบไม่ต้องเปลี่ยนสาย ส่วนการเข้าไปทำงานในเมืองไม่กี่สถานีก็ถึงพระราม 4 ซึ่งใครทำงานย่านสามย่าน/ต้นถนนสีลม/ต้นถนนสาทร/อโศก ที่นี่จะเดินทางสะดวกครับ หรือไปถึงพระราม9 – รัชดาก็ยังนั่งแค่ต่อเดียว ซึ่งถ้าใช้ชีวิตปกติอยู่กับสถานีเหล่านี้มากที่สุดอยู่แล้ว สถานีท่าพระก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
ส่วนสถานี BTS ตลาดพลู จุดนี้จะเด่นเรื่องความเจริญรอบข้าง มีห้างใหญ่อยู่ใกล้ๆ ครับ และด้วยความที่เป็น BTS สายสีเขียว ข้อดีคือผ่านย่านธุรกิจหรือจุดสำคัญเยอะมากครับ อย่างสายสีลมก็ผ่านทั้งสาทร สีลม แบบผ่าเข้าไปเลย ทำให้มีสถานีบนถนนเหล่านี้มากกว่า หรือจะไปเดินเล่นช๊อปปิ้งอย่างสยาม พร้อมพงษ์ ทองหล่อก็สามารถไปได้สะดวก ในแง่ของการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไปในฝั่งธน ก็จะสามารถมาเชื่อมต่อสายสีน้ำเงินได้ที่สถานีบางหว้าครับ
ดังนั้นสถานีตลาดพลูจะเหมาะกับผู้ที่ปกติถ้าเน้นใช้งานในเมืองเส้น BTS เป็นหลัก โดยเฉพาะโซนสาทร/สีลม/สยาม แต่ก็ยังสามารถเชื่อมต่อไปจุดอื่นๆ ของฝั่งธนได้ครับ.
เรื่อง : ทีมงาน Render Thailand
ภาพ : คุณ Rawin Sangsittayakorn, Google Maps, ทีมงาน Render Thailand
บทความนี้สนับสนุนโดย
Life Sathorn Sierra
สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดในทำเลที่เข้าสู่ย่านสีลม–สาทร ได้สะดวก โครงการ Life Sathorn Sierra จะเป็นคอนโดมิเนียมล่าสุดจากทาง AP ที่มาเปิดโครงการที่ใกล้หัวมุมแยกถนนราชพฤกษ์–รัชดาภิเษก โดยตัวโครงการเค้าจะห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูไม่มาก เพียงแค่ประมาณ 150 เมตร และห่างจากสถานี BRT ราชพฤกษ์ 100 เมตรครับ ปัจจุบันโครงการนี้เริ่มก่อนสร้างไปได้ประมาณนึงแล้ว ถ้าใครที่นั่งรถไฟฟ้าผ่านบริเวณตลาดพลูน่าจะเคยเห็นโครงการนี้กันมาบ้าง เพราะทำเลค่อนข้างจะเด่นพอสมควร
ข้อมูลโครงการ
พื้นที่โครงการ : 8-1-5.7 ไร่
รูปแบบโครงการ : คอนโดมิเนียมสูง 40 ชั้น 1 อาคาร
จำนวนห้องพัก : 1,971 unit และร้านค้า 2 unit
สถานะโครงการ : ผ่าน EIA แล้ว กำลังก่อสร้าง คาดว่าแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2565
ประเภทห้อง :
- 1 Bedroom (28 ตร.ม.)
- 1 Bedroom (32, 34 ตร.ม.)
- 2 Bedroom Plus (35, 39 ตร.ม.)
- 2 Bedroom (57.5 ตร.ม.)
สิ่งอำนวยความสะดวก :
ชั้น 1
-
Welcome Foyer
-
Waiting Lounge
-
Outdoor Terrace
-
Playground
-
Half Football Court
-
Half Basketball Court
-
Jogging Track
ชั้น 5
-
Garden
-
Swimming Pool
-
Stream/Sauna
-
Co Working Space
-
Private Meeting Room
-
Multi Leisure Room
-
Co-Living Space
-
Social Lounge
-
Gym
-
Private Gym (Group Virtual Bike, Group Training, Personal Virtual Bike, Personal Training)
ชั้น 40
-
Sky Facilities (Co-Working Space, Co-Living Space, Outdoor Garden, Courtyard)
-
Panoramic Sunken Lounge
จุดเด่นของโครงการ
พื้นที่ส่วนกลาง
จุดเด่นของโครงการนี้อย่างแรกที่ต้องพูดถึงเลยคือพื้นที่ส่วนกลางที่มีขนาดใหญ่และค่อนข้างหลากหลายมากๆ ครับ โดยตัวโครงการนี้เค้ามีพื้นที่ดินกว่า 8 ไร่ เลยสามารถทำส่วนกลางออกมาได้เยอะมาก อย่างพื้นที่สวน Forest Park ที่มีทางเดินเล่นระดับตั้งแต่ชั้น 1 มาจนถึงชั้น 5 ตรงนี่ก็มีขนาดกว่า 5 ไร่เข้าไปแล้วครับ และบริเวณชั้น 5 จะมีสระว่ายน้ำที่ยาวถึง 100 เมตรอยู่ด้วย นอกจากนี้ก็จะมี Fitness ขนาดใหญ่ที่มีทั้งแบบโซน Public และ Private ให้เลือกใช้งาน
ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ เช่น Co-Living Space, Co-Working Space สำหรับมานั่งทำงานงานและพักผ่อนก็จะมีทั้งชั้น 5 และที่บน Rooftop ชั้น 40 จริงๆ ต้องบอกว่าส่วนกลางที่นี่มีกระจายอยู่ทั่วโครงการเลย อย่างเช่นสวนด้านล่างบริเวณชั้น 1 ก็จะมีสนามฟุตบอลและสนามบาสแบบครึ่งสนามอีก หรืออย่างที่ชั้น 40 นอกจากจะมี Sky Lounge & Co-Working Space ก็ยังจัดเป็นสวน Sky Forest และมี Panoramic Sunken Lounge ให้ชมวิวเมืองสวยๆ จากดาดฟ้าตึกได้ด้วยครับ
แปลนห้อง
แปลนห้องของที่นี่ก็เป็นอีกจุดเด่นนึง ใครที่เคยไปดูคอนโดของทาง AP น่าจะเคยเห็นแปลนห้องแบบ Interlock ที่จะเป็นแปลนห้องแบบเข้าล๊อกกับห้องข้างๆ ทำให้สามารถจัดพื้นที่ใช้สอยออกมาได้ลงตัวมากขึ้น ซึ่งใน Life Sathorn Sierra ก็เป็นห้อง Interlock แบบล่าสุดที่มีการจัดแปลนห้องให้รีดพื้นที่ใช้งานได้ดีขึ้นไปอีก
หลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพ อันนี้จะเป็นตัวอย่างห้อง 1 Bedroom 28 ตร.ม. กับ 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. ที่มา Interlock กันครับ อย่างห้อง 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. จะสามารถแปลงเป็น 2 ห้องนอนได้เลยโดยที่ห้องนอน Plus ก็ยังเป็นขนาดที่ใหญ่และใช้งานได้จริง โดยที่พื้นที่อื่นอย่างห้องนั่งเล่นหรือห้องครัวไม่ได้ถูกบีบให้เล็กจนเกินไป
นอกจากนี้ที่นี่ในห้องแต่ละ Size ยังมีแปลนห้องให้เลือกหลายแบบมากๆ บางแบบเป็นครัวปิด บางแบบมี Walkin Closet หรือใครอยากได้ห้องแบบแปลนธรรมดาก็มีเช่นกัน มีให้เลือกตั้งแต่ห้อง 1 Bedroom ไปจนถึง 2 Bedroom ครับ
ราคา x ทำเล
ทำเลของโครงการนี้จะสามารถเข้าออกได้ 2 ทางคือทั้งจากทางถนนรัชดาภิเษก และถนนราชพฤกษ์ สามารถใช้รถยนต์เข้าเมืองได้สะดวก ส่วนการใช้รถไฟฟ้าที่นี่ก็จะห่างจาก BTS สถานีตลาดพลูประมาณ 150 เมตรครับ ถึงใกล้ๆ โครงการก็จะมีทั้งเดอะมอลล์ท่าพระสามารถเดินไปได้สบายๆ และตรงข้ามเดอะมอลล์ก็มีร้านค้าต่างๆ มากมาย
และต้องบอกว่าทำเลตลาดพลูเองก็เป็นอีกทำเลนึงที่ใกล้เมืองในราคาที่ยังไม่สูงมาก ข้ามสะพานสาทรนิดเดียวก็เข้าสู่ย่านสาทร/สีลมได้เลยโดยตรง และเมื่อเทียบกับโครงการคอนโดที่อยู่ใกล้เมืองย่านอื่น ยกตัวอย่างเช่นสุขุมวิทตอนปลายอย่างบางจาก หรือฝั่งเหนืออย่างรัชโยธิน/เกษตร ที่นี่ก็ยังราคาต่ำกว่าพอสมควร โดยโครงการเริ่มต้นที่ 2.49 ล้านบาท สำหรับห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. หรือถ้าห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. ราคาก็จะเริ่มต้นที่ 3.29 ล้านบาทครับ
สำหรับใครที่ทำงานมาซักระยะนึง อยากขยับขยายซื้อคอนโดที่สามารถไปทำงานได้สะดวกมากขึ้นเป็นของตัวเองในราคาที่ไม่สูงมาก มีส่วนกลางใหญ่ๆ ไว้พักผ่อนในวันหยุด โครงการ Life Sathorn Sierra ก็น่าจะเป็นอีกโครงการที่น่าสนใจครับ ตอนนี้ทางโครงการมีโปรโมชั่นจองเพียงแค่ 5,000 บาท ผ่อนเริ่มต้น 3,500 บาท 1 ห้องนอนพร้อมห้องแต่งตัว เริ่ม 2.49 ล้านบาท ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท*
ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษนี้ก่อนใครได้ที่ www.apthai.com หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร 1623 ครับ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด